นอกจากซินโครตรอนทั่วโลกจะเร่งวิจัยสู้วิกฤตโควิด-19 ตามที่ได้นำเสนอไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สถาบันวิจัยระดับชาติอย่างสถาบันวิจัยทางด้านโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อในประเทศสหรัฐอเมริกาก็ได้ทำการศึกษาการแพร่เชื้อของไวรัสโควิด-19 โดยทำการเปรียบเทียบไวรัสโควิด-19 ที่มีชื่อทางการว่า SARS-CoV-2 ในลักษณะละอองฝอย (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางน้อยกว่า 5 ไมครอน) เปรียบเทียบกับไวรัสโรคโควิด-19 ที่ตกสะสมอยู่บนพื้นผิว ซึ่งเป็นการเลียนแบบสถานการณ์การแพร่เชื้อไวรัสจากผู้ติดเชื้อไปสู่การสัมผัสสิ่งของในครัวเรือนและโรงพยาบาลที่เกิดจากการไอหรือจาม เช่น พื้นผิวทองแดง กล่องกระดาษแข็ง พลาสติกพอลีไพรไพลีน และเหล็กกล้าไร้สนิมเกรด AISI304 เป็นต้น
จากการทดลองพบว่า ไวรัสโควิด-19 สามารถอยู่ในละอองฝอยได้นานถึง 3 ชั่วโมง และตกสะสมอยู่บนพื้นผิวทองแดงนานถึง 4 ชั่วโมง อยู่บนพื้นผิวของกล่องกระดาษแข็งได้นานถึง 24 ชั่วโมง และสามารถอยู่บนพื้นผิวพลาสติกและเหล็กกล้าไร้สนิมได้ถึง 2-3 วัน ข้อมูลที่ได้จากการวิจัยบ่งชี้ให้เห็นว่าเราสามารถได้รับเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านทางอากาศและจากการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น เลือด น้ำลาย น้ำตา เหงื่อ น้ำมูก เสมหะ น้ำอุสจิและปัสสาวะ เป็นต้น
นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ทางสถาบันวิจัยแห่งชาติฯ ยังได้ทำการเปรียบเทียบไวรัสโควิด-19 (SARS-CoV-2) กับไวรัสซาร์ส (SARS-CoV-1) เนื่องจากไวรัสซาร์สนั้นมีสารพันธุกรรมที่คล้ายกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ถึงร้อยละ 89.1 และไวรัสซาร์สยังถูกค้นพบครั้งแรกในประเทศจีน ก่อนจะเกิดการระบาดไปทั่วโลก จนกระทั้งในปี ค.ศ. 2004 โรคซาร์สก็กลายเป็นโรคระบาดที่สามารถควบคุมได้จากการติดตามผู้ติดเชื้อและใช้มาตรการแยกคนติดเชื้อไวรัสซาร์สอย่างเข้มงวด จึงมีความเป็นไปได้ที่จะใช้วิธีการคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 เหมือนกับโรคซาร์ส แต่นักวิทยาศาสตร์ทางสถาบันวิจัยแห่งชาติฯ กลับไม่สามารถอธิบายได้ว่า "ทำไมไม่สามารถคุมการระบาดไวรัสโควิด-19 ได้เหมือนไวรัสซาร์ส! ในวันนี้"
นักวิทยาศาสตร์ทางสถาบันวิจัยแห่งชาติฯ ได้ตั้งข้อสังเกตว่า................มีความเป็นไปได้ว่าผู้ติดเชื้อได้แพร่เชื้อไวรัสโควิดโดยไม่รู้ตัวหรือก่อนที่จะมีอาการ จึงทำให้ไม่สามารถควบคุมไวรัสโควิด-19 ได้เท่ากับการควบคุมไวรัสซาร์ส นอกจากนี้ยังพบว่า การเกิดเชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในระยะที่สอง จะเกิดขึ้นในบริเวณชุมชนแทนที่จะเกิดบริเวณสถานพยาบาล แต่อย่างไรก็ตามสถานพยาบาลก็ยังถือเป็นจุดเสี่ยงในการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากสถานพยาบาลนั้นมีเชื้อไวรัสในลักษณะละอองฝอยและมีการตกสะสมของสารคัดหลั่งของผู้ป่วยปนเปื้อนอยู่บนพื้นผิว
ดังนั้นเราควรปฏิบัติติตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญทางด้านสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโดย
1. หลีกเลี่ยงการออกไปพื้นที่ชุมชน เช่น ศาสนสถาน ตลาด ห้างสรรพสินค้า สถานที่ออกกำลังกาย ฯลฯ พยายามอยู่บ้านให้มากที่สุด หากจำเป็นต้องออกนอกบ้านควรป้องกันตัวเองด้วยการใส่หน้ากาก
2. หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูกและปาก
3. กินร้อนช้อนกลาง
4. ใช้กระดาษชำระเมื่อไอหรือจามเพื่อลดการกระจายเชื้อโรค และทิ้งกระดาษชำระลงในถังขยะเพื่อป้องกันผู้อื่นสัมผัสสารคัดหลั่ง หากไม่มีกระดาษชำระควรให้ใช้ข้อศอกหรือแขนเวลาไอหรือจามแทนการใช้มือปิดปาก เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสจากมือแพร่กระจายไปสัมผัสกับเครื่องใช้อื่นๆ
5. ทำความสะอาดบ้านและฆ่าเชื้อโรคสิ่งของเครื่องใช้ด้วยน้ำยาทำความมสะอาดเป็นประจำ
6. หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ป่วย
7. และสุดท้ายอย่าลืมนำเคมเปญ ช่วยไทยผ่านวิกฤตโควิด-19 มาใช้นะคะ “โรคติดต่อ จะไม่ติดต่อ ถ้าเราไม่ติดต่อกัน”
ด้วยความปรารถนาดีจากสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน
แปลและเรียบเรียง : ดร.ภัคนนันท์ ภัควนิตย์
******************************************
เอกสารอ้างอิง
1.https://www.nih.gov/news-events/news-releases/new-coronavirus-stable-hours-surfaces
2.N van Doremalen, et al. Aerosol and surface stability of HCoV-19 (SARS-CoV-2) compared to SARS-CoV-1. The New England Journal of Medicine. DOI: 10.1056/NEJMc2004973 (2020).
3.http://haamor.com/th/สารคัดหลั่ง/
4.https://tmc.or.th/pdf/Covid-19-MD-AmornUpdate.pdf
*****************************************
ติดต่อขอใช้บริการได้ที่ ซินโครตรอนไทยแลนด์ เซ็นทรัลแล็บ
Synchrotron Thailand Central Lab
โทร. 08-1955-6518, 08-9949-7313
โดย สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน)
Synchrotron Light Research Institute (Public Organization)