การระบาดของไวรัสโคโรน่าได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยจะจู่โจมทำให้ปอดของผู้ป่วยเสียหาย จนต้องอาศัยเครื่องช่วยหายใจ หรือสามารถเกิดอาการร้ายแรงได้จนถึงขั้นเสียชีวิต โรคCOVID-19 นี้ พบผู้ติดเชื้อได้ทุกวัย แต่มีใครได้สังเกตไหมว่า จากสถิติส่วนใหญ่ผู้ติดเชื้อที่อาการหนักจนถึงขึ้นเสียชีวิต มักจะเป็นผู้ชาย
จากช่วงมกราคมที่ผ่านมา การระบาดของไวรัสโคโรน่าได้เริ่มต้นขึ้นในมณฑลอู่ฮั่น ประเทศจีน ได้พบว่า ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาตัวจากไวรัสชนิดนี้มากถึง 3 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมดเป็น “เพศชาย” ข้อมูลการระบาดของโรค COVID-19 จากทั่วโลก เบื้องต้นได้ยืนยันว่า ผู้ชายไวต่อเชื้อโรคนี้มาก เช่น ในลอมบาร์เดีย ประเทศอิตาลี พบผู้ติดเชื้อเพศชายถึง 82% จากผู้ติดเชื้อทั้งหมด 1,591 คน ที่มีอาการรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตของผู้ชายที่ติดเชื้อยังสูงกว่าที่พบในผู้หญิงและเด็กอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์จึงวิเคราะห์ถึงการทำงานของเจ้าไวรัสชนิดนี้ โดยตั้งสมมติฐานว่า น่าจะเป็นผลจากฮอร์โมนเพศชาย หรือ แอนโดรเจน (Androgens) เช่น เทสโทสเตอโรน (Testosterone) มีความเป็นไปได้ว่าเจ้าฮอร์โมนเพศชายนี้ จะไปเพิ่มความสามารถให้ไวรัสโคโรน่าเข้าสู่เซลล์ได้ง่ายขึ้น
งานวิจัยเกี่ยวกับการหาสาเหตุที่ทำให้ผู้ชายไวต่อเชื้อไวรัสโคโรน่าจึงเริ่มต้นขึ้น โดยเริ่มจากกลุ่มนักวิจัยทางสถาบันมะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องฮอร์โมนเพศชาย หรือแอนโดรเจนเป็นอย่างดี ซึ่งมีงานวิจัยค้นพบว่า การที่ผู้ชายไวต่อเชื้อโรค COVID-19 อาจจะเกี่ยวข้องกับเอนไซม์ชื่อ TMPRSS2 เนื่องจากเอนไซม์ตัวนี้สามารถตัดขา (Spike) ของโปรตีนบนผิวของไวรัสโคโรน่า ทำให้ไวรัสเชื่อมต่อกับผนังเซลล์ของคนได้ดี แล้วเข้าสู่เซลล์เพื่อขยายตัวต่อไป
กระนั้นก็ตาม ในขั้นแรกนักวิจัยสถาบันมะเร็งต่อมลูกหมากยังไม่สามารถฟันธงลงไปว่า แอนโดรเจนเป็นตัวควบคุมเอนไซม์ TMPRSS2 ในปอด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ COVID-19 เหมือนกับที่เจอในต่อมลูกหมาก เนื่องจากการทดลองที่พบในคนและในหนูยังไม่สอดคล้องกันนัก แต่หลังจากนั้นนักวิจัย แอนเดรีย อลิมนติ (Andrea Alimonti) หัวหน้าภาควิชามะเร็งวิทยาระดับโมเลกุล (Head of molecular oncology) จากมหาวิทยาลัย Università della Svizzera italiana ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ได้ทำการทดลองเพื่อสนับสนุนว่า แอนโดรเจนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการติดเชื้อจริง ด้วยการสำรวจในผู้ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากกว่า 42,000 คน ในเวเนโต ประเทศอิตาลี โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งจะให้ยายับยั้งแอนโดรเจน และอีกกลุ่มไม่ได้รับ ผลที่ได้พบว่ากลุ่มที่ได้รับยากดแอนโดรเจนไว้ มีเพียง 25% ที่ติด COVID-19 เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับยา ถึงแม้จะพบกลุ่มผู้รับยาก็ติด COVID บ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อย และมักจะไม่มีอาการรุนแรงหรือเสียชีวิต
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่ยังทำการทดลองจากที่ต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการทดสอบแบบอำพรางทั้งสองฝ่าย (Doulbe blind) แบบสุ่ม (Randomized) และการให้ยาหลอก (Placebo-controlled) ในผู้ติดเชื้อที่ลอสแองเจิลลิส ซีเอสเทิล และนิวยอร์ค อีกด้วย
แม้ว่าผลการทดสอบหลายครั้งจะแสดงให้เห็นทิศทางที่สอดคล้องกันว่าฮอร์โมนเพศจะมีผลต่อการทำงานของไวรัสโคโรน่านี้ แต่เหล่านักวิจัยก็ยังไม่หยุดที่จะทำการทดลองต่อไป เพื่อให้มั่นใจว่าหลักฐานในการทดลองทุกชิ้นต้องชี้เป้าไปที่จุดเดียวกัน
แปล : ดร.นันทพร กมลสุทธิไพจิตร
**************************************************************
แหล่งอ้างอิง
1. https://www.sciencemag.org/news/2020/06/why-coronavirus-hits-men-harder-sex-hormones-offer-clues
2. https://www.nytimes.com/2020/02/20/health/coronavirus-men-women.html
3. https://www.annalsofoncology.org/article/S0923-7534(20)39797-0/fulltext